คุณมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพไตมากเพียงใด?

0

ไตเป็นอวัยวะสำคัญในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่หลากหลาย เช่น กรองเลือด กำจัดของเสีย ควบคุมสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์ รักษาความดันโลหิตให้คงที่ และส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง อย่างไรก็ตาม ปัญหาไตมักตรวจพบได้ยากในระยะเริ่มแรก และเมื่ออาการปรากฏชัดขึ้น อาการอาจรุนแรงขึ้นแล้ว ดังนั้น ทุกคนจึงควรเข้าใจถึงความสำคัญของสุขภาพไต และตรวจหาและป้องกันโรคไตตั้งแต่เนิ่นๆ

หน้าที่ของไต

ไตอยู่บริเวณเอวทั้งสองข้าง ไตมีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วและมีขนาดประมาณกำปั้น หน้าที่หลักของไตประกอบด้วย:

  1. การกรองเลือด:ไตจะกรองเลือดประมาณ 180 ลิตรทุกวัน โดยกำจัดของเสียจากการเผาผลาญและน้ำส่วนเกิน และสร้างปัสสาวะเพื่อขับออกจากร่างกาย
  2. การควบคุมสมดุลของอิเล็กโทรไลต์:ไตมีหน้าที่รักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส ในร่างกาย เพื่อให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ
  3. การควบคุมความดันโลหิต:ไตช่วยรักษาความดันโลหิตให้คงที่โดยการควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือในร่างกายและหลั่งฮอร์โมนเช่นเรนิน
  4. ส่งเสริมการผลิตเม็ดเลือดแดง: ไตหลั่งเอริโทรโปอิเอติน (EPO) ซึ่งกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจาง
  5. รักษาสุขภาพกระดูก: ไตมีส่วนร่วมในการกระตุ้นวิตามินดี ช่วยในการดูดซึมและการใช้แคลเซียม และรักษาสุขภาพกระดูก

สัญญาณเริ่มต้นของโรคไต

โรคไตมักไม่มีอาการที่ชัดเจนในระยะเริ่มแรก แต่เมื่อโรคดำเนินไป อาจมีอาการดังต่อไปนี้ปรากฏขึ้น:

  1. ความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ:ปริมาณปัสสาวะลดลง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีสีเข้มหรือมีฟอง (โปรตีนในปัสสาวะ)
  2. อาการบวมน้ำ:อาการบวมของเปลือกตา ใบหน้า มือ เท้า หรือขาส่วนล่าง อาจเป็นสัญญาณว่าไตไม่สามารถขับน้ำส่วนเกินออกไปได้ตามปกติ
  3. อาการอ่อนเพลียและอ่อนแรง:การทำงานของไตที่ลดลงอาจทำให้เกิดการสะสมของสารพิษและโรคโลหิตจาง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอ่อนล้าได้
  4. การสูญเสียความอยากอาหารและอาการคลื่นไส้:เมื่อการทำงานของไตบกพร่อง การสะสมของสารพิษในร่างกายอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารได้
  5. ความดันโลหิตสูง:โรคไตและความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่สัมพันธ์กัน ความดันโลหิตสูงในระยะยาวอาจทำลายไตได้ ในขณะที่โรคไตก็อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน
  6. อาการคันผิวหนัง: ระดับฟอสฟอรัสที่สูงเนื่องจากการทำงานของไตผิดปกติอาจทำให้เกิดอาการคันได้

วิธีปกป้องสุขภาพไต

  1. รักษาการรับประทานอาหารให้มีสุขภาพดี: ลดการรับประทานอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูง และรับประทานผักสด ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสีให้มากขึ้น รับประทานโปรตีนคุณภาพสูงในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และถั่ว
  2. รักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสม:การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ไตขับของเสียออกได้ แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตร แต่ปริมาณน้ำที่แนะนำให้ดื่มต้องปรับตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
  3. ควบคุมความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด:ความดันโลหิตสูงและเบาหวานเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไต ดังนั้นการตรวจติดตามและควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาในทางที่ผิด:การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน (เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) อาจส่งผลเสียต่อไต และควรใช้ด้วยความเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์
  5. เลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์:การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและส่งผลเสียต่อสุขภาพหลอดเลือด
  6. การตรวจสุขภาพประจำปี:ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีหรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต ควรได้รับการตรวจปัสสาวะ ตรวจการทำงานของไต และตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ

โรคไตที่พบบ่อย

  1. โรคไตเรื้อรัง (CKD):การทำงานของไตจะค่อยๆ ลดลง ในระยะแรกอาจไม่มีอาการ แต่ในระยะหลังอาจจำเป็นต้องฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต
  2. การบาดเจ็บของไตเฉียบพลัน (AKI):การทำงานของไตลดลงอย่างกะทันหัน มักเกิดจากการติดเชื้อรุนแรง ภาวะขาดน้ำ หรือพิษจากยา
  3. นิ่วในไต:แร่ธาตุในปัสสาวะตกผลึกและกลายเป็นนิ่ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงและการอุดตันของทางเดินปัสสาวะได้
  4. โรคไตอักเสบ:ภาวะไตอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อหรือโรคภูมิต้านตนเอง
  5. โรคไตถุงน้ำหลายใบ:ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดซีสต์ในไต ทำให้การทำงานของไตเสื่อมลงเรื่อยๆ

บทสรุป

ไตเป็นอวัยวะที่เงียบงัน โรคไตหลายชนิดมักไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มแรก ทำให้มองข้ามได้ง่าย การดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาพดี การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถปกป้องสุขภาพไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณของปัญหาไต ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง จำไว้ว่าสุขภาพไตเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพโดยรวม และสมควรได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเราเป็นรายบุคคล

เบย์เซน เมดิคอลมุ่งเน้นเทคนิคการวินิจฉัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง เราได้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี 5 แบบ ได้แก่ ลาเท็กซ์ ทองคำคอลลอยด์ การทดสอบอิมมูโนโครมาโตกราฟีแบบเรืองแสง การทดสอบอิมมูโนโครมาโตกราฟีแบบโมเลกุล และการทดสอบอิมมูโนเคมีลูมิเนสเซนซ์ เรามี การทดสอบอัลบ์แบบรวดเร็วและ การทดสอบภูมิคุ้มกันแบบอัลบ์เพื่อคัดกรองภาวะไตวายระยะเริ่มต้น


เวลาโพสต์: 12 ส.ค. 2568